ADT - all Thailand Partnership Trophy 2024 *
“กัมลาส” ทำอีเกิ้ลเพลย์ออฟหลุม 2 คว้าแชมป์ออลไทยแลนด์ฯ ที่เรดเมาท์เทินฯ
BY N ON May Sun, 2024 18:35
“กัมลาส” ทำอีเกิ้ลเพลย์ออฟหลุม 2 คว้าแชมป์ออลไทยแลนด์ฯ ที่เรดเมาท์เทินฯ
“โปรจิ๋ว” กัมลาส นาเมืองรักษ์ ทำชิพอินอีเกิ้ลในการเล่นเพลย์ออฟหลุมที่ 2 เอาชนะ “โปรเรย์” อมรินทร์ กรัยวิเชียร์ คว้าแชมป์ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ รายการ “เอดีที-ออลไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ชิพ โทรฟี่ 2024” ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ณ สนามเรด เมาท์เทิน กอล์ฟ คลับ พาร์ 71 จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567
การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสะสมคะแนนอันดับโลก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ 2024 โคแซงชั่น เอเชียนดีเวลล็อปเม้นท์ทัวร์ (เอดีที) จากการสนับสนุนโดย สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุนจัดแข่งขันรายการ "เอดีที-ออลไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ชิพ โทรฟี่ 2024” ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 2-5 พฤษภาคม 2567 ณ สนาม เรด เมาท์เทิน กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,852 หลา พาร์ 71 จ.ภูเก็ต นับเป็นรายการที่สี่ของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ ฤดูกาล 2024 ผู้ชนะจะรับเงินรางวัลไปครอง 450,000 บาท พร้อมคะแนนสะสมอันดับโลก
ในการเล่นรอบสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 “โปรจิ๋ว” กัมลาส นาเมืองรักษ์ และ “โปรเรย์” อมรินทร์ กรัยวิเชียร์ จบรอบสามเป็นผู้นำร่วมที่สกอร์รวมคนละ 13 อันเดอร์ ก่อนที่รอบสุดท้ายจะทำเพิ่มอีกคนละ 2 อันเดอร์ สกอร์รวม 15 อันเดอร์ โดยเฉพาะกัมลาสที่ได้อีเกิ้ลที่หลุมสุดท้ายทำให้ต้องดวลกันถึงเพลย์ออฟที่หลุม 18 ซึ่งในช่วงเพลย์ออฟหลังจากต่างก็ได้พาร์ในหลุมแรกแล้ว กัมลาสก็ทำช็อตมหัศจรรย์อีกครั้งด้วยการชิพอินอีเกิ้ลในการเล่นเพลย์ออฟหลุมที่ 2 คว้าแชมป์ไปครอง
กัมลาศ วัย 32 ปี ซึ่งคว้าแชมป์ที่ 2 ในทัวร์หลังจากเคยทำได้ในรายการ สิงห์ คลาสสิก 2018 รับเงินรางวัลแชมป์ครั้งนี้จำนวน 450,000 บาท ทัวร์ ขณะที่อมรินทร์ รับ 285,000 บาท “ตั้งใจเอาลงหลุมนะครับ และมันก็เป็นอย่างที่คิด โชคดีมากครับ” กัมลาศ กล่าวถึงช็อตชิพอินอีเกิ้ลในการเล่นเพลย์ออฟหลุมที่ 2 พร้อมบอกด้วยว่า “แม้ว่าจะเล่นเพลย์ออฟหลุมแรกไม่ดี แต่ก็ไม่เคยคิดถึงการคว้าแชมป์เพราะต้องการโฟกัสในการเล่นแต่ละช็อตมากกว่า” โปรวัย 32 ปี กล่าว ด้วยว่าภูมิใจกับการเล่นในรอบสุดท้ายพอสมควร เพราะเกือบทั้งวันพัตต์ไม่ดีเลยกว่าจะได้ก็คือพัตต์อีเกิ้ลที่หลุม 18 ซึ่งก็น่าจะสร้างความกดดันให้กับคู่แข่งพอสมควร “ไม่คิดว่าเขา (อมรินทร์) จะพัตต์ไม่ลงและต้องไปเล่นต่อในการเล่นเพลย์ออฟครับ” โดย กัมลาศ ซึ่งคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ขยับอันดับเงินรางวัลสะสมขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 จำนวน 519,083 บาท ขณะที่อมรินทร์ ซึ่งจบในท็อป 5 เป็นรายการที่ 2 ในฤดูกาลนี้ อยู่ที่ 7 จำนวน 458,235 บาท อันดับ 1 ยังคงเป็น จณัตว์ สกุลพลไพศาล ที่จำนวน 822,300 บาท
ทางด้าน ธาวิท พลไทย และวาริษ มั่นธรณ์ จบอันดับ 3 ร่วมสกอร์รวมคนละ 13 อันเดอร์ รับเงินรางวัลคนละ 144,750 บาท ส่วนอันดับ 5 ร่วม ที่สกอร์รวมคนละ 12 อันเดอร์ และรับเงินรางวัลคนละ 79,237 บาท ประกอบด้วย “แชมป์เก่า” โคสุเก ฮามาโมโต้, เนติพงศ์ ศรีทอง, อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ และ ลีออน เดอ ซูซ่า โปรจากฮ่องกงที่ผ่านเข้ามาจากรอบมันเดย์ควอลิฟาย โดยในรอบนี้ซูซ่าปิดท้ายรายการด้วยการทำ 7 อันเดอร์ จาก 7 เบอร์ดี้ ด้าน ภาณุพล พิทยารัฐ และ แสงชัย แก้วเจริญ ทำเพิ่มคนละ 5 อันเดอร์ จบที่ 9 ร่วม สกอร์รวมคนละ 11 อันเดอร์ รับเงินรางวัลคนละ 58,850 บาท, ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย มือหนึ่งออลไทยแลนด์ฯ 2023 จบที่ 13 สกอร์รวม 8 อันเดอร์, วีรวิชญ์ นาคประชา ทำ 4 อันเดอร์ ขยับขึ้นมาจบที่ 14 ร่วม สกอร์รวม 7 อันเดอร์ เช่นเดียวกบ ธันยากร ครองผา, นิรันดร์ แซ่อึ้ง ทำ 4 อันเดอร์ จบที่สกอร์รวม 6 อันเดอร์ เช่นเดียวกับ รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ แชมป์สิงห์ อีสาน โอเพ่น 2024, ธัญพิสิษฐ์ ออมสิน ตีรอบสุดท้าย 5 อันเดอร์ จบที่ 18 ร่วม สกอร์รวม 5 อันเดอร์ กับอีก 5 นักกอล์ฟรวมถึง วรุณ เอี่ยมแก้ว ผู้นำรอบแรก
รายการต่อไปของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์จะเป็นการแข่งขัน “สิงห์ ลากูน่า ภูเก็ต โอเพ่น” ชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านบาท (แชมป์รับ 600,000 บาท) วันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ สนามลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต โดยรายการนี้จะโคแซงชั่นกับเอเชียนเดเวล็อปเม้นท์ทัวร์